หัดใช้ครั้งแรกฮ๊าบบ + ลงทุนอย่างไรให้เข้ากับดวง

หัดใช้ครั้งแรกฮ๊าบบ และลงทุนอย่างไรให้เข้ากับดวง

เพิ่งมาหัดใช้และทำบล็อกครั้งแรก ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และจะพยายามต่อไปฮ๊าบบ..
และอยากเอาข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับธรรมะประยุกต์มาฝาก เผื่อเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากหลายๆ ท่านที่แนะนำมา และอยากให้เผยแพร่ก็บอกมาได้นะคะ
วันนี้ขออ้างอิงบทความจากเวปคุณดังตฤน คอล้มน์ โหราไม่คาใจ ตอน
ลงทุนอย่างไรให้เข้ากับดวง เผื่อเป็นประโยชน์กับทุกคนนะฮ๊าบบ..

โดย Aims Astro

ถาม – ผมมีความฝันว่าอยากจะเกษียนตัวเองก่อนอายุ ๕๐ ปี ซึ่งจำเป็นจะต้องมีเงินเก็บมากพอจนไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต แต่ลำพังฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารก็คงไม่พอสำหรับคนที่รายรับไม่มากนักอย่างผม ตอนนี้เลยหันมาสนใจเรื่องการลงทุนประเภทต่างๆ เลยอยากทราบว่าดวงบอกได้ไหมครับว่าแต่ละคนเหมาะที่จะลงทุนแบบไหน

ชีวิตที่ไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน ไม่ต้องอดทนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อแลกกับรายได้เลี้ยงชีวิตตัวเองและครอบครัว เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของมนุษย์ทั่วไปนะคะ หลายคนจึงมีความฝันถึงวันที่มีเงินเพียงพอที่จะได้เลือกทำงานที่รัก และทำงานการกุศลได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะลำบาก ซึ่งความพยายามในการเพิ่มพูนรายได้ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปค่ะ

มีคำกล่าวว่า “ยิ่งเสี่ยงสูง ยิ่ง (เป็นที่คาดหมายว่า) มีโอกาสกำไรสูง (High risk, high (expected) return)” สิ่งที่เสี่ยงสูงสุดแถมต้องอาศัยความหวังอย่างสูงสุด ก็เห็นจะเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือไม่ก็หวยใต้ดิน (อย่างหลังนี่ผิดกฎหมายนะคะ - -'') ซึ่งมีลูกค้าบางท่านเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าอยากรวย จึงอดไม่ได้ที่จะเสี่ยงโชคด้วยการเล่นหวย ชอบไปหาเลขหรือตีความตามความฝัน เช่น ลูกสาวฝันว่าแม่เสียชีวิต แม่อายุ ๔๙ งวดนั้นหวยออก ๙๔ ไม่ได้สลับเลขเลยพลาดไป (^_^!)

ได้ฟังแล้วก็เสียดายเงินแทน จึงเสนอไปว่าถ้าชอบลุ้นระทึกก็น่าจะเก็บเงินไปซื้อสลากออมสินของธนาคารออมสิน หรือสลากทวีสินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะได้เอาไว้ลุ้นทุกงวด ถึงแม้ว่าจะได้รางวัลยากแต่ก็ดีกว่าสูญเงินต้น ไม่เสี่ยงโดนตำรวจจับเพราะเล่นหวย และเมื่อครบเวลาก็ได้เงินต้นคืนบวกดอกเบี้ยนิดหน่อยด้วยค่ะ

ในมุมมองของโหราศาสตร์นั้น คนที่จะได้ลาภลอยแนวนี้จะต้องมีดาวที่เกี่ยวกับการได้รับโชคแบบไม่คาดฝัน อยู่ในเรือนที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สิน เรียกได้ว่ามีกรรมเก่าที่ส่งเสริมมาค่ะ ในเรื่องของกรรมที่ทำให้ได้ลาภลอยนี้ คุณดังตฤณเคยเขียนไว้ใน เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ตอน กรรมที่ทำให้เป็นเศรษฐีระดับโลก http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare110.htm ขอคัดลอกบางส่วนมาให้อ่านค่ะ

“บุญเก่าที่ทำให้ได้ลาภก้อนใหญ่

๑) เคยเป็นผู้ให้ลาภลอยแก่คนอื่น โดยที่เขาไม่คาดฝัน หรือโดยที่ตนเองก็ไม่ได้คาดหมายไว้ก่อน เมื่อพบเห็นใครน่าช่วยเหลือก็ช่วยเลยทันที เมื่อทำให้คนอื่นได้รับลาภ ก็ย่อมสมควรแก่การเป็นผู้รับลาภในอนาคต กรณีนี้อย่างตัวอย่างของคุณจั๊กจั่นที่ช่วยเหลือชายคนนึงซึ่งเธอคิดว่าเป็นใบ้ แม้เค้าจะไม่เป็นใบ้จริงๆ ภายหลัง แต่การให้ของเธอก็ถือว่าน่าชื่นชมนะคะ

ลาภที่ให้ผู้อื่นไม่จำเป็นต้องมากมาย แต่อย่างน้อยต้องทำให้เขายินดีปรีดา หรือทำให้เขารอดจากภาวะยากลำบากแบบฉับพลันทันที (ลาภที่ได้รับอาจมาจากหลายทางโดยไม่คาดฝัน อย่าแค่ไปคิดถึงการถูกล็อตเตอรี่อย่างเดียวนะครับ ประเภทอยู่ดีๆมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายแสนแบบสืบหาต้นตอไม่ได้ แจ้งธนาคารตรวจสอบแล้วก็ไม่รู้ความเป็นมา อันนี้เคยเกิดกรณีพิลึกพรรค์นี้มาแล้วจริงๆ)

๒) เคยเป็นผู้ตั้งใจให้คนอื่นดีใจกับการได้รับของขวัญ ของกำนัลโดยไม่คาดฝัน มีมากครับพวกชอบเซอร์ไพรส์ชาวบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้รู้เนื้อรู้ตัว หวังจะเห็นเขาตื่นเต้นยินดีสุดขีด ความหวังชนิดนั้น ถ้าทำสำเร็จก็ให้ผลเป็นลาภลอยก้อนใหญ่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้ว่าใครอยากได้อะไรมานาน รู้ว่าชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นหากได้สิ่งนั้น นั่นแหละตรงเป้าอย่างจังทีเดียว”


ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำกรรมทำนองนี้มาหรือไม่ และจากที่ดูดวงมาก็พบว่านานๆ ทีจึงจะมีลูกค้าที่มีดวงทำนองเสี่ยงโชค ได้ลาภลอยบ่อยๆ เพราะฉะนั้นการทำให้ทรัพย์สินเพิ่มพูนด้วยวิธีการอื่นที่เสียงน้อยกว่า ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ

ขอบอกเล่าถึงเรื่องราวของคุณผู้หญิงท่านหนึ่งมาตรวจดวงค่ะ เมื่อดูดวงแล้วน่าจะเป็นคนที่มีโชคในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงบอกไปว่าคุณเล่นหุ้นได้นะคะ ซึ่งเธอตอบว่าลงทุนอยู่และได้กำไรด้วย นอกจากนี้ดิฉันก็เห็นว่ามีทองคำที่ดูจะเข้ากับดวง สามารถซื้อเพื่อเก็งกำไรได้ เธอก็ตอบว่าซื้อขายทองแท่งและก็ได้กำไรด้วย ลูกค้าท่านนี้ให้ข้อคิดดีๆ กับดิฉันว่า “แต่สังเกตนะคะ ว่าเมื่อไหร่ที่โลภ เมื่อนั้นจะขาดทุน” (^_^) สรุปว่าได้ทั้งเงินจากงานที่ทำประจำและได้รายได้ที่เกิดจากเงินทำงานให้ ส่วนหนึ่งก็คือกรรมเดิมของเธอเป็นคนที่ทำทานมามากอยู่แล้ว มาในชาตินี้ก็ทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติวิปัสสนาด้วย ก็จะช่วยส่งเสริมให้มั่งมีทั้งทรัพย์ภายนอกและภายในยิ่งๆ ขึ้นไปอีกค่ะ

ในทางกลับกัน ลูกค้าอีกท่านหนึ่งมีปัญหาการเงิน เป็นหนี้เพราะเล่นหุ้น เมื่อตรวจดวงแล้วเห็นว่าเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงและคิดเรื่องทรัพย์สินค่อนข้างมาก ลูกค้าเล่าว่ามีปัญหาทางการเงิน เนื่องจากมองตลาดผิดไป ถ้าวันไหนขายไปถูกๆ หรือยอมขาดทุนเพราะเห็นว่าหุ้นตกแล้ว กลัวจะเสียมากไปกว่าที่เป็นอยู่ พอขายไปปุ๊บ หุ้นจะขึ้น ซ้ำร้ายพอซื้อได้ไม่นาน หุ้นตัวที่ซื้อจะตก เมื่อกลัวว่าจะขาดทุนไปมาก ก็เลยขาย พอขาย หุ้นก็ขึ้น เป็นอย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนหมดเงินไปหลายแสน ทั้งนี้เธอเองก็ยอมรับว่าเพราะเชื่อมั่นในตัวเองมากไป

ฟังลูกค้าเล่าแล้วก็ให้กำลังใจว่าเงินที่เสียไป ให้ถือว่าซื้อวิชาเพื่อเรียนรู้ว่าเรายังไม่เข้าใจตลาดดีพอ จะได้ไม่ต้องทุกข์กับความรู้สึกผิด เพราะสิ่งที่ทำไปแล้ว ย่อมแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้าเล่นหุ้นแต่อ่านตลาดไม่ขาด เงินลงทุนจมลงไปแล้วจนเป็นหนี้ ก็น่าจะออกมาพักเงียบๆ ก่อน อาจจะเอาเงินไปฝากไว้กับกองทุนตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงต่ำ (แน่นอนว่าผลตอบแทนก็ต่ำเช่นกัน) แต่อย่างน้อยก็ไม่เจ็บตัว ใช้เวลาศึกษาหาความรู้ในการลงทุนครั้งใหม่ ก่อนที่จะลงสนามต่อไปในอนาคต แนะนำตามดวงด้วยว่าจริงๆ แล้ววิธีการลงทุนที่เหมาะกับเธอ คือการซื้อหุ้นพื้นฐานดีๆ ไว้เก็บกินปันผลจะดีกว่า ถ้าลงทุนแบบเดิมอีกก็มีโอกาสขาดทุนง่าย เพราะดาวที่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นแบบซื้อๆ ขายๆ ไม่เหมาะเท่าไหร่นักค่ะ

นอกจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังมีวิธีการเพิ่มพูนสินทรัพย์แบบอื่นๆ อีก เช่น สร้างหอพักหรือทำบ้านเช่า ซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร ซื้อขายเพชร สะสมภาพวาดและวัตถุโบราณไว้เป็นทรัพย์สิน ฯลฯ สำคัญที่สุดก็คือก่อนที่จะลงทุนในทรัพย์ชนิดใดก็ตาม เราจำเป็นที่จะต้องหาข้อมูล ทำความเข้าใจทิศทางของตลาด และความเสี่ยงที่จะต้องแบกรับอย่างถ่องแท้เสียก่อน จะได้ไม่มีปัญหาที่ทำให้เสียทั้งเงินและเสียทั้งกำลังใจค่ะ : )

เขียนมาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าเราไม่ควรแสวงหาเงินด้วยความโลภ เพราะเงินในโลกนี้หาเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกค่ะ ถ้าหาเงินเพื่อจะเอาชนะความอยากได้ของตัวเอง ก็จะต้องหาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะความโลภของมนุษย์ก็ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกัน แต่ถ้าหาเงินให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จะได้มีอิสรภาพทางการเงิน ที่จะไปทำอะไรๆ ได้ดังที่ต้องการ ถ้ามีโอกาสร่ำรวยด้วยวิธีสุจริตก็ดี เพราะจะทำให้สามารถช่วยคนอื่นได้มากขึ้น แบ่งปันได้มากขึ้นอีก

สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญกว่าการสะสมทรัพย์ทางโลกก็คือการสะสมอริยทรัพย์ เพราะทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่หามาได้ก็จะอยู่กับเราตราบเท่าที่มีลมหายใจเท่านั้น เมื่อตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ มีเพียงธรรมะเท่านั้นที่ติดตัวไปตราบจนถึงวันที่เราไม่ต้องเกิดอีกค่ะ

Reference: http://www.dungtrin.com/